
ทริปชมเมืองเก่า เล่าความหลัง
พิพิธภัณฑ์เมืองกาฬสินธุ์ – เมืองฟ้าแดดสงยาง (พระธาตุยาคู) เมืองเก่าสมัยทวารวดี- สิมโบราณ วัดอุดมประชาราษฎร์ – บ้านกลางหมื่น ต้นกำเนิดเมืองกาฬสินธุ์ – ย่านชุมชนเมืองเก่า – ตลาดโรงสี
ระยะทางตลอดทริป 85 กม. ระดับความยากในการขับขี่ – ง่าย
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเมืองกาฬสินธุ์ได้อย่างน่าสนใจ เป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจที่ชาวเมืองกาฬสินธุ์ได้จัดไว้เป็นแหล่งเรียนรู้ของอนุชนรุ่นหลัง ให้มีความสำนึกรักบ้านเกิด ด้วยเมืองกาฬสินธุ์มีประวัติศาสตร์ความเป็นมากว่า 1,600 ปี
แบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ ดังนี้
1. ห้องวิถีชีวิตชาวผู้ไทย / 2. ห้องพิพิธภัณฑ์แพรวาเฉลิมพระเกียรติ / 3.ห้องวัฒนธรรมภาพนิทัศน์ / 4.ห้องเจ้าเมือง / 5.ห้องคนดีศรีกาฬสินธุ์ / 6.ห้องพระพุทธมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ / 7.ห้องปลอดยาเสพติด / 8.ห้องแสดงผลงานจิตรกรรมของ กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ / 9.ห้องจำหน่ายของดีเมืองกาฬสินธุ์ / 10.ห้องผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง / 11.ห้องผลิตภัณฑ์จากอ้อย
เปิดให้เข้าชม: วันอังคาร- ศุกร์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 08.30 น.-16.30 น. ไม่เสียค่าเข้าชม โทร. 1672 ศูนย์บริการการท่องเที่ยว
ที่มา : museumthailand.com
เมืองฟ้าแดดสงยาง พระธาตุยาคู เมืองประวัติศาสตร์ยุคทวารวดี
เมืองฟ้าแดดสงยางหรือที่เรียกเพี้ยนเป็น ฟ้าแดดสูงยาง บางแห่งเรียกเมืองเสมาเนื่องจากแผนผังของเมืองมีรูปร่างคล้ายใบเสมา เป็นเมืองโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ 2 ชั้น ความยาวของคันดินโดยรอบประมาณ 5 กิโลเมตร คูน้ำจะอยู่ตรงกลางคันดินทั้งสอง จากหลักฐานโบราณคดีที่ค้นพบทำให้ทราบว่ามีการอยู่อาศัยภายในเมืองมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นในสมัยทวารวดีราวพุทธศตวรรษที่ 13-15 ดังหลักฐานทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏโดยทั่วไปทั้งภายในและนอกเมือง เช่น ใบเสมาหินทราย จำหลักภาพชาดกและพุทธประวัติจำนวนมาก บางส่วนเก็บไว้ที่วัดโพธิ์ชัยเสมารามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณเมืองฟ้าแดดสงยาง บางแห่งอยู่ในตำแหน่งเดิมที่พบ และบางส่วนก็นำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีศาสนสถานกระจายอยู่ทั่วไปภายในเมืองและนอกเมือง เช่น พระธาตุยาคู กลุ่มเจดีย์บริเวณศาสนสถานที่โนนวัดสูง โนนฟ้าหยาด และโนนฟ้าแดด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเมืองฟ้าแดดสงยางเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479 พระธาตุยาคู หรือพระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐ ปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัยด้วยกัน คือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่าในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงครามได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดดสงยาง แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจัดให้มีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคูเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน
ฮูปแต้ม (ภาพวาด)สิมโบราณ ณ วัดอุดมประชาราษฎร์
ฮูปแต้ม (จิตรกรรมฝาผนังอีสาน)
ที่น่าสนใจและมีคุณค่าพิเศษก็คือ ฮูปแต้ม ที่ช่าง(น่าจะเป็นช่างไท-อีสานพื้นบ้าน)เขียนไว้ในซุ้มของ ๒ ช่วงที่ปิดทึบและผนังด้านนอกเฉพาะผนังส่วนกะสัด(หรือลวงขื่อ) เป็นเรื่องราวเวสสันดรชาดก พื้นของภาพเป็นสีปูนขาวของผนังที่เขียนนั้นเอง
ช่างแต้ม ผนังด้านนอกของสิมหลังนี้มีฝีมือดีมาก การให้สีสันก็สวยงาม เขียนเต็มผนังหุ้มกลองด้านนอก และด้านข้างอีกด้านละ ๒ ช่วงเสา เป็นเรื่องเวสสันดรชาดก(ภาพผะเหวด) ช่างแต้มคือ จารย์ผาย อยู่บ้านคำเชียงวัน ต.สหัสขันธ์ เขียนตามศรัทธาของเจ้าภาพ ว่าจ้างเป็นช่องๆ ไปในแต่ละเรื่อง เช่น ดังคำจารึกไว้ใต้รูปเขียนหน้าหนึ่งว่า “นายสา สีบูรำ มีใจศรัทธาอาศหลาด ได้เงิน ๒ บาท มาจ้างส่างแต้มมะหาพล ขอให้บุญมาก ๆ”
ส่วนช่างคำ พรพนม มาช่วยทำลายหน้าบัน และตัวโหง่
ภาพและข้อมูลจาก : สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บ้านกลางหมื่น จุดเริ่มต้นของเมืองกาฬสินธุ์
บ้านกลางหมื่น คือหมู่บ้านแรกในจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยตำนานเล่าว่า ชาวเมืองได้อพยพข้ามเทือกเขาภูพานลงมา และมาพบทำเลบริเวณนี้ และเห็นว่าเหมาะสมที่จะตั้งรกรากถิ่นฐาน จึงได้ทำการลงหลักปักฐาน สำหรับคำว่า “กลางหมื่น” นั้นมาจากจำนวนไพร่พลที่อพยพมาคราวแรก มีรวมกันประมาณห้าพันคน จึงได้ตั้งชื่อว่าบ้านกลางหมื่น
ชุมชนย่านเมืองเก่า
กาฬสินธุ์เป็นเมืองเก่า ซึ่งดำรงวิถีชีวิตแบบเรียบง่ายและน่าค้นหา ในขณะเดียวกัน หน่วยงานของรัฐได้ผสมผสานเอาศิลปะกราฟิตี้แบบใหม่ เพื่อสร้างเสน่ห์ให้ย่านนี้ มีความร่วมสมัยมากขึ้น
ตลาดโรงสี
ตลาดโรงสี สร้างจากพื้นที่โรงสีเก่า มีบรรยากาศของวันวานชวนให้นึกถึง แถมยังเป็นแหล่งของกินดื่ม และนัดรวมตัวของชาวไนท์ไลฟ์ในตัวเมืองกาฬสินธุ์อีกด้วย
ไปไหนต่อดี?
ชมวิวยอดเขา 360 องศาที่วัดภูสิงห์
วัดภูสิงห์ ถือเป็นวัดคู่แฝดกับวัดภูค่าว ที่สามารถมองเห็นกันได้จากยอดเขาทั้งสอง
นมัสการ พระพุทธรูปปางไสยาสน์แกะสลักในยุคทวารวดี ที่ภูปอ
วัดภูสิงห์ ถือเป็นวัดคู่แฝดกับวัดภูค่าว ที่สามารถมองเห็นกันได้จากยอดเขาทั้งสอง
อุทยานไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์สิรินธร
อุทยานโลกไดโนเสาร์ และพิพิธภัณฑ์สิรินธร พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขื่อนลำปาว และสะพานเทพสุดา
เขื่อนลำปาวและสะพานเทพสุดา จุดเชคอินที่ฮิตที่สุดของจังหวัดกาฬสินธุ์





















